Read Time:3 Minute, 2 Second

เชียงราย ท่าขี้เหล็กสั่งปิดแล้วโรงงานปูนขาวส่งกลิ่นทั่วชายแดนไทย-เมียนมา

วันนี้ (16 พ.ย.65) จากกรณีเกิดกลิ่นเหม็นโชยมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ข้ามลำน้ำสายที่เป็นเขตแดนเข้ามาส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในฝังไทยเขต ต.แม่สาย และ ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 10 หมู่บ้าน นั้น ล่าสุดทางการ จ.ท่าขี้เหล็ก ได้มีคำสั่งให้ปิโรงงานทำปูนขาวที่ชาวเมียนมามักใช้กินกับหมากพูลและใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินลิกไนซ์ ตั้งอยู่บ้านสะโถ่งบน-ลาง จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างจากชายแดน 6-8 กิโลเมตร แล้ว
โดยคำสั่งปิดดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดกลิ่นเหม็นมานานหลายเดือนขณะที่โรงงานเปิดมาได้ประมาณ 6 เดือน และเมื่อเกิดปัญหากลิ่นเหม็นมายังฝั่งไทยทางคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซีฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทางทีบีซีฝ่ายเมียนมาได้รับทราบดังกล่าว ทั้งนี้กลิ่นจากโรงงานยังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในบ้านสะโถ่งบน บ้านสะโถ่งล่าง บ้านเป็งว่า บ้านผะตินบากง ฯลฯ ใน จ.ท่าขี้เหล็ก เช่นกัน และคาดว่าอาจเป็นสาเหตุเดียวกับที่ชาวบ้านฝั่งไทยได้รับผลกระทบ จนทำให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) กรมอนามัย เข้าตรวจหาสาเหตุของกลิ่น อย่างไรก็ตามล่าสุดนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหากลิ่นจากสารเคมีในพื้นที่ อ.แม่สาย โดยจัดประชุมที่เทศบาล ต.แม่สายมิตรภาพ อ.แม่สาย ซึ่งเป็นท้องที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจำนวน 4 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านเหมืองแดงใต้ หมู่บ้านเวียงหอม หมู่บ้านสันทราย และหมู่บ้านสันทรายใหม่ เนื่องจากทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) แจ้งผลการตรวจกลิ่นพบว่าเกิดจากสารไฮโดรเจนไซยาไนต์ (HCN) และเมื่อวัดค่าจากเครื่องตรวจ Multi RAE ได้ค่า 0.5 จากค่าปกติ 0.0 ppm จึงถือว่ามีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจในพื้นที่ 4 หมู่บ้านดังกล่าว นอกจากนี้ทางกรมอนามัยจะได้นำเครื่องตรวจวัดขนาดใหญ่ไปตรวจวัดกลิ่นอีกครั้งในวันที่ 17-18 พ.ย.นี้อีกครั้ง ขณะที่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและให้งดเปิดหน้าต่างในช่วงเวลากลางคืนด้วยแล้ว
รายงานข่าวจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ระบุว่าอีกว่าโรงงานปูนขาวดังกล่าวเป็นของเอกชนชื่อ บ้านลมอิฐ 999 ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิ่งแวดล้อมใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้เรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงงานแล้ว ได้มีการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน สถานะการเป็นเจ้าของที่ดิน ใบอนุญาตอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่เกี่ยวข้อง การอนุมัติจากเขตการปกครองและเขตการปกครองที่โรงงานดำเนินการ และการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยระหว่างการตรวจสอบก็ให้ปิดโรงงานจนกว่าจะมีคำสั่งใหม่อีกครั้งด้วย เบื้องต้นผลการตรวจทราบว่าโรงงานมีการใช้หินปูนเพื่อผลิตปูนขาวครั้งละ 1,000 กิโลกรัมหรือ 1 ตัน และแต่ละครั้งต้องใช้ถ่านหินในการเผาไหม้ปริมาณ 200 กิโลกรัม
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่านอกจากโรงงานปูนขาวดังกล่าวใน จ.ท่าขี้เหล็ก ยังมีบ่อฝังกลบะห่างจากพรมแดนไทยเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร และเคยเกิดภาวะเต็มจนมีคนแอบไปเผาจนเกิดควันคละคลุ้ง ส่วนการใช้สารไฮโดรเจนไซยาไนต์ (HCN) ในปริมาณมากยู่ในเขตดอยคำ พื้นที่หมู่บ้านนาไฮหลง เมืองเลน ห่างจากตัวเมือง จ.ท่าขี้เหล็ก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ทำให้หลายฝ่ายเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าหลังจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ได้สั่งปิดโรงงานปูนขาวดังกล่าวแล้วจะยังมีกลิ่นเหม็นอีกหรือไม่.

/////////

ภาพ/ข่าว/สมบัติ คำลือ 083-580-2888

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Previous post แม่ทัพภาคที่ 3 หารือข้อราชการกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
Next post พิษณุโลก นางพีรกานต์ ทองเชื้อ นายก อบต.วังพิกุล มอบหมายให้คณะผู้บริหารโดยร่วมแรงร่วมใจทำความสะอาดเก็บขยะตลอดสองข้างทาง